เปิดตัวมาไม่นาน NEW MG ZS โฉมใหม่ ก็เป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวกของเจ้า ZS คือ แบบว่าอยากเอาตัวเก่ามาเทิร์นเป็นคันใหม่ อย่างไงอย่างงั้น
เอาแบบเป็นทางการเสียหน่อย ที่นายใหญ่อย่าง คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด พูดถึงว่าจากปี 2560 จนถึงปัจจุบัน MG ZSเป็นผู้นำของกลุ่มรถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก หรือ B-SUV ด้วยยอดขายสะสมที่มากกว่า 30,000 คัน ถ้าอย่างนั้น คงต้องมาลองเจาะลึกกันสักหน่อยแล้ว ว่าเจ้า บีเอสยูวี คันนี้ มีเด็ดตรงจุดไหน
ด้ายสโลแกนที่ว่า “สมาร์ทเอสยูวี ที่เหมาะกับชีวิตสมาร์ทของทุกคน” ทำให้ NEW MG ZS เป็นอะไรใหม่ๆ ที่น่าจับตามอง ตอนที่ไปรับรถคันนี้มา ยังไม่ได้ดูรายละเอียดอะไรมากนัก เพียงแต่ขับออกมา เพื่อหนีฝนเสียก่อนที่จะโปรยปรายเม็ดน้ำลงมาให้รถเปียก แต่สัมผัสแรกที่ต้องบอก คือ เป็นรถที่ขับง่าย ทัศนวิสัยดี และสวยงาม
การออกแบบ (DESIGN)
พอหาโลเกชั่นสำหรับถ่ายภาพเจ้าคันนี้ได้ ก็จอดและลงมาสำรวจรอบๆ คัน ซึ่งเจ้า NEW MG ZS ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะโดดเด่นด้วยสไตล์ความเป็นสปอร์ตและรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ และการออกแบบเส้นสายด้านข้างแบบ British Shoulder Line ด้วยความโค้งมนที่เป็นเอกลักษณ์ของเอ็มจี เพิ่มความสมาร์ทด้วยไฟหน้าแบบ LED Projector ที่ควบคุมการเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน DAYTIME RUNNING LIGHT และไฟท้ายแบบ LED แมกก็ 17 นิ้ว ไม่เล็ก และก็ไม่ใหญ่จนเกินไป
ความสะดวกสบาย (COMFORT)
การออกแบบภายในอย่างพิถีพิถันด้วยห้องโดยสารแบบสปอร์ตสีทูโทน และการใช้วัสดุ SOFT TOUCH ในการตกแต่ง โดดเด่นขึ้นอีกขั้นด้วยพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นและหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะขนาด 7 นิ้วดีไซน์ใหม่ และหน้าจอ touch screen ขนาดใหญ่ 10 นิ้ว ซึ่งรองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Apple CarPlay และระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดียกับสมาร์ทโฟนระบบ Android พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลที่มีระบบกรองอากาศเพื่อกรองฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 อันนี้ก็เป็นอีกจุดเด่นในการขาย และยังเพิ่มความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง พร้อมที่พักแขนด้านหน้า รวมไปถึงระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะSmart Key พร้อมสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยปุ่ม Push Start และยังคงสุนทรียภาพในการขับขี่ด้วยหลังคาซันรูฟขนาดใหญ่แบบพาโนรามา Panoramic Sunroof พอเวลาเปิดแต่ละที ทำให้ทัศนวิสัย และความรู้สึกในการขับขี่หรือโดยสาร เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ด้านสมรรถนะ (PERFORMANCE)
ขุมพลังกับรถใหญ่ๆ โดยเฉพาะรถ SUV เป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันหมายถึงการขับเคลื่อนที่ต่างไปจากรถ MPV ที่ต้องให้สมรรถนะเต็มประสิทธิภาพมากกว่า ไม่ใช่แค่เน้นการขับเคลื่อนแบบสบายๆ ไปกันหลายๆ คนเท่านั้น แต่ยังต้องเน้นไปที่ความคล่องตัว และการตอบสนองเป็นหลัก NEW MG ZS ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ใหม่ 8 สปีด และสามารถปรับโหมดพวงมาลัยได้ถึง 3 โหมด คือ โหมด City สำหรับการขับขี่ในเมือง โหมด Standard สำหรับการขับขี่ทั่วไป และโหมด Sport สำหรับการขับขี่สไตล์สปอร์ตที่จะให้ความเร้าใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้น
ความปลอดภัย (SAFETY)
NEW MG ZS มาพร้อมช่วงล่างตามแบบ EURO TUNING SUSPENSION ที่ให้การทรงตัว อย่างดีเยี่ยม ผสานกับระบบช่วงล่างหน้าแบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลงและช่วงล่างหลังแบบ Torsion Beam ที่จะทำให้การควบคุมในการขับขี่มีความลงตัวมากขึ้น และขอบอกนะจ๊ะ ว่ารถคันนี้ ราคาไม่แพง แถมแรงไม่มีตก ที่น่าทึ่งไปกว่านั้น คือ ระบบการควบคุมหลายอย่าง ที่เราได้ลองมากับการขับขี่ครั้งนี้ต้องบอกว่าน่าประทับใจมาก อาทิ ระบบป้องกันการไหลของรถ AVH (Auto Vehicle Hold) อันนี้ขึ้นเขาลงเขาดี ส่วนระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Brake System) กับระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution) และระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ต้องยกให้เลย เพราะช่วยให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ สามารถใช้ประสิทธิภาพการเบรกได้พอๆ กับผู้ชายตัวใหญ่ๆ ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) อันนี้รถ SUV สูงๆ ต้องมี ยิ่งต้องใช้ควบคู่กับ ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ยิ่งทำให้มั่นใจมากขึ้น ตอนที่เราขับไปนั้นมีฝนตกลงมาด้วย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะไม่ได้ทดสอบ ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) แต่เจ้าหน้าที่ของ MG ก็ได้ขับสาธิตให้เราได้ดูก็รู้เลยว่า มันเป็นระบบช่วยกันกับ ระบบควบคุมความเร็วรถขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control System) กับระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) ช่วยให้เราไม่ต้องพกพาที่ตรวจสอบลมยางไปไหนมาไหน หรือระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ช่วยให้รถที่ขับตามหลังมา ตื่นตัวและเพิ่มความระมัดระวัง สุดท้าย คือ ระบบจำกัดความเร็ว ASL (Active Speed Limit) หลายคนถามว่าไว้ใช้ทำอะไร ก็ใช้เมื่อจำเป็นต้องขับผ่านชุมชน ที่กำหนดความเร็วไว้ ไม่ให้เผลอเหยียบคันเร่งเกินจนเกิดอันตรายได้
รายละเอียด (DETAIL)
ด้วยการที่ NEW MG ZS ตอกย้ำความเป็นสมาร์ทเอสยูวี ด้วยระบบอัจฉริยะ i-SMART เพื่อตอบโจทย์ การใช้งานที่สมาร์ทยิ่งขึ้น โดยเฉพาะระบบ Smart Command ที่สามารถสั่งการระบบผ่านคำสั่งเสียงภาษาไทยหรือควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมยกระดับความสมาร์ทเพื่อความปลอดภัย ด้วยระบบ Emergency Call ซึ่งจะมีการโทรและส่งข้อความระบุพิกัดรถไปยังเบอร์โทรที่ได้มีการตั้งค่าไว้เมื่อถุงลมนิรภัยในรถทำงานทำให้การเข้าช่วยเหลือทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ระบบ Smart Connect เชื่อมต่อโลกออนไลน์อย่างชาญฉลาดสามารถเลือกฟังเพลงได้ทั้งรูปแบบออนไลน์และสตรีมมิ่ง ระบบค้นหาร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว พร้อมนำทางและรายงานการจราจรแบบ Real Time รวมทั้งการอ่านข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้อย่างทันเหตุการณ์ และระบบ Smart Check ที่จะทำให้การตรวจสอบรถของคุณง่ายดายยิ่งขึ้น โดยสามารถ ตรวจสอบสถานะรถยนต์และเตือนเมื่อมีสถานะผิดปกติ สั่งการล็อคหรือปลดล็อคประตูรถ ค้นหารถด้วยระบบ Find My Car ช่วยค้นหาศูนย์บริการ รวมถึงการบันทึกการดูแลรักษารถตามระยะ ผ่าน MG Mobile Application
สรุป ได้ว่าหลังจากการขับ NEW MG ZS มี 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น C+ D+ และรุ่นสูงสุดคือ X+ พร้อมสีตัวถังทั้งหมด 4 สี คือ สีขาว Arctic White สีแดง Scarlet Red สีเงิน Silver Metallic และ สีดำ Black Knight เราชอบตัว TOP สีแดงเป็นที่สุด เพราะอุปกรณ์ครบ จะใช้อะไรตอบสนองได้หมด ความสวยงามนับว่าไม่ขี้เหร่ แต่ภายในแล้ว หรูหรามาก ต้องให้ 5 ดาว ส่วนเรื่องเครื่องยนต์ กลางๆ ไม่หวือหวามากนัก แต่ระบบความปลอดภัย กับเทคโนโลยี เหมาะกับคำว่า สมาร์ทเอสยูวี เป็นอย่างมาก
NEW MG ZS รุ่น C+689,000บาท
NEW MG ZS รุ่น C+ ราคา 689,000 บาท
NEW MG ZS รุ่น X+ ราคา 799,000 บาท
และหลังโควิด19 เราควบคุมได้ในระดับหนึ่งแล้ว NEW MG ZS สามารถตอบโจทย์ คนที่กำลังมองหา B SUV ลองไปดูข้อเสนอพิเศษ ที่โชว์รูมเอ็มจีทั่วประเทศ หรือที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 หรือที่เว็บไซต์ www.mgcars.com